โปรโมชั่น Pure PRP ฟื้นบำรุงผิวด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวคุณเอง ด้วย Tube ชนิดพิเศษ สามารถสกัดแยกได้ PRP มีความเข้มข้นสูงกว่าแบบทั่วไปถึง 16 เท่า ปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐาน อย. ไทย ตรวจสอบได้ คุณหมอดูแลเองทุกเคส! ที่ Attitude Clinic เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ห้วยขวาง
PRP คืออะไร?
𝗣𝗥𝗣 (PLATELET RICH PLASMA) การรักษาบนพื้นฐานของกระบวนการรักษาตัวเองตามธรรมชาติของมนุษย์ โดยการนำเลือดของตัวเราเองมาปั่นแล้วฉีดกลับเข้าไป ผ่านวิธีการปั่นเพื่อแยกชั้นของพลาสมา มีลักษณะเป็นสีเหลืองใส โดยในพลาสมาประกอบด้วยเกล็ดเลือด ซึ่งแพทย์จะสกัดเอาเกล็ดเลือดจากชั้นนี้ ซึ่งมีความเข้มข้นสูงที่สุดมาใช้บำบัดและฟื้นบำรุงเซลล์ผิว
ในเกล็ดเลือดประกอบด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด กระตุ้นสร้างคอลลาเจน รวมไปถึงสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factor) ซึ่งเป็นกลุ่มโปรตีนประเภทหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่ไปกระตุ้นให้เซลล์มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้เซลล์เหล่านั้นมีการเพิ่มจำนวนและซ่อมแซมตัวเองเกิดขึ้นนั่นเอง
โดยเกล็ดเลือดถือเป็นปัจจัยสำคัญในกลไกการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยมี Growth Factor ที่จำเป็น เช่น FGF, PDGF, TGF-ß, EGF, VEGF, IGF ซึ่งมีบทบาทในการกระตุ้น Stem cell ให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ นอกจากนี้ เกล็ดเลือดยังกระตุ้นการทางานของ Fibroblasts (เซลล์สร้างคอลลาเจน) และ Endothelial cell (เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด) อีกด้วย
การฉีด 𝗣𝗥𝗣 ที่สกัดจากเกล็ดเลือดเข้มข้น กระตุ้นเซลล์ให้เกิดการซ่อมแซม กระตุ้นการหายของแผล ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมไปถึงการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง โดยสามารถช่วยรักษาทั้งผิวหน้า และปัญหาผม ร่างกายได้
︿︿︿︿︿︿︿︿︿︿
ขั้นตอนการทำ PRP
การทำ 𝗣𝗥𝗣 (PLATELET RICH PLASMA) อุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ อุปกรณ์เจาะเลือด หลอดใส่เลือดหรือเรียกว่า Tube และเครื่องเหวี่ยงสารหรือเครื่องแยกเกล็ดเลือด (Centrifuge) มีขั้นตอนดังนี้
- เจาะเลือดจากข้อพับ ประมาณ 10-20 cc
- นำเลือดใส่ในหลอดใส่เลือด (Tube) ชนิดพิเศษหรือเรียก Pure Tube มี Anti-Coagulant หรือสารต้านการแข็งตัวของเลือด โดยใช้เป็น Sodium Citrate (โซเดียมซิเตรท) ซึ่งบรรจุมาในหลอดเรียบร้อยแล้ว และมีค่า pH = 7 มีค่าเป็นกลาง ทำให้ปลอดภัยไม่กระทบต่อคุณภาพของเกล็ดเลือดและไม่เกิดอาการแสบขณะฉีด
- นำเลือดมาปั่นเพื่อสกัดผ่านเครื่องเหวี่ยงสารหรือเครื่องแยกเกล็ดเลือด (Centrifuge) เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและมี Growth Factor สูง
- แยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์และเข้มข้นออกมาหรือเรียกว่า (𝗣𝗥𝗣)
- ฉีดเกล็ดเลือด 𝗣𝗥𝗣 กลับเข้าไปสู่ส่วนต่างๆ ที่ต้องการทำการรักษาและฟื้นฟู เช่น ผิวหน้า ใต้ตาหรือศีรษะ
Pure PRP รักษาอะไรได้บ้าง
✅ กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวกระจ่างใส อ่อนเยาว์
✅ รักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
✅ รักษาใต้ตาหมองคล้ำ ดูโทรม
✅ รักษารอยสิว รอยดำ รอยแดง
✅ รักษาฝ้ากระ จุดด่างดำ (ยกเว้นฝ้าจากเส้นเลือด)
✅ กระตุ้นเซลล์รากผม ลดผมขาดหลุดร่วง
ราคา PRP
🎉 PRP ต้อง Pure RPR ที่แอททิจูด
︿︿︿︿︿︿︿︿︿︿
✦ เพียงครั้งละ 4,990.- (ปกติ 5,990.- )
พิเศษ ซื้อ 5 ครั้ง เหลือครั้งละ 4,490.-
คุ้มสุด ซื้อ10 ครั้ง เหลือครั้งละ 3,990.-
︿︿︿︿︿︿︿︿︿︿
ก่อนทำ PRP เตรียมตัวอย่างไร?
- ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เตรียมร่างกายให้พร้อมเสมอ
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ 1.5-2 ลิตรขึ้นไปต่อวันก่อนทำ
- ควรลดรับประทานอาหารไขมันสูง
- งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนทำ 2-3 วัน
- งดรับประทานยาแก้อักเสบและการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม ASA หรือยาในกลุ่ม NSIAD ก่อนทำอย่างน้อย 2-3 วัน
- งดฉีดยาประเภท Corticosteroid ก่อนทำอย่างน้อย 1 เดือน
- ปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการฉีด 𝗣𝗥𝗣 เสมอ ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของเกล็ดเลือด เกล็ดเลือดต่ำ โรคโลหิตจาง โรคมะเร็ง มีอาการติดเชื้อ หรือรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Blood Thinner) ไม่ควรเข้ารับการรักษาด้วยการฉีด 𝗣𝗥𝗣
- ศึกษาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีด 𝗣𝗥𝗣 เช่น อาการปวดบริเวณที่ฉีด การติดเชื้อ เนื้อเยื่อถูกทำลาย และความเสียหายต่อระบบประสาท เป็นต้น
- ไม่ควรอดอาหารก่อนเข้ารับการฉีด 𝗣𝗥𝗣 เนื่องจากมีการเจาะเลือดและเก็บเลือดบางส่วนไปใช้ หากอดอาหารอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดหรือเป็นลมได้
- ผู้ที่เข้ารับการฉีด 𝗣𝗥𝗣 เพื่อรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ควรสระผมก่อนเข้ารับการรักษาและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมใด ๆ
หลังทำ PRP ต้องทำอะไรบ้าง?
หลังทำ PRP กลไกการทำงานของ 𝗣𝗥𝗣 คือ กระตุ้นให้ร่างกายมีอาการอักเสบในบริเวณที่ทำการฉีดอาจจะมีอาการอักเสบ ปวดตึง เพราะฉะนั้นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด จะเป็นเหมือนการอักเสบทั่วไปซึ่งมีวิธีการดูแล ดังนี้
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดหลังทำ PRP
- พยายามเลี่ยงการใช้งาน แตะ จับ เกา กดบริเวณที่ทำการฉีด 𝗣𝗥𝗣
- หากมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลเท่านั้น ห้ามรับประทานยากลุ่ม NSAIDs ยาแก้อักเสบ สเตียรอยด์ เพราะจะไปยับยั้ง Factors ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาและไปกดภูมิทำให้ประสิทธิภาพของ 𝗣𝗥𝗣 ลดลง
- งดล้างหน้า 4-6 ชั่วโมงแรกหลังการทำ 𝗣𝗥𝗣
- พักหน้า งดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2- 3 วัน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิด 7 วัน
- งดการออกกำลังกายอย่างหนัก 2-3 วัน
- ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน(Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(Ibuprofen) ประมาณ 2-3 วัน
📍 ทำไมต้องทำ PRP ที่แอททิจูด
ปลอดภัยสูงเพราะใช้เกล็ดเลือดของคุณเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคติดต่อ ผลข้างเคียง ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งและไม่กระตุ้นให้เกิดเนื้องอก PRP ที่ได้มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวสูง อุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการซ่อมแซม สร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง อ่อนเยาว์อีกครั้ง
💉 ทำ PRP ต้องเลือก Pure RPR เท่านั้น!! ความพิเศษที่ #แอททิจูด โดยเฉพาะใช้ PRP Extraction tube สามารถแยกชั้น PRP ที่เป็นเกล็ดเลือดได้ชัดเจน อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดที่อัดแน่นไปด้วยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factor) มากกว่า tube ธรรมดาทั่วไปที่เราเคยเห็นถึง 16 เท่า!!!
💙👩⚕ ทำ PRP ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้ ต้องเลือกให้ดี ทำที่ดีและปลอดภัยที่สุด ได้ผลลัพธ์หลังการรักษาชัดเจน เห็นผลจริง รักษาตรงจุดที่สุด
หลังทำ PRP ครบตามที่แพทย์แนะนำ ผลการรักษาจะอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยส่วนใหญ่ 𝗣𝗥𝗣 จะช่วยเข้าไปกระตุ้นการซ่อมแซมตนเอง จึงไม่สามารถบอกได้ว่าผลการรักษาจะอยู่ได้นานเท่าใดแต่จะสามารถช่วยปรับสมดุลและช่วยซ่อมแซมในส่วนที่มีปัญหาได้ กระตุ้นให้มีการฟื้นฟูสภาพของร่างกาย หากรักษาแล้วอาการดีขึ้นไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีด 𝗣𝗥𝗣 ซ้ำ แต่ถ้ายังมีอาการปวดก็สามารถกลับมาทำการฉีด PRP เพื่อกระตุ้มการซ่อมแซมได้อีก
PRP แตกต่างจากการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีอื่นอย่างไร ?
การทำ 𝗣𝗥𝗣 รักษาผิวหน้า หน้าใส ลดริ้วรอย หรือดูแลเส้นผม เป็นการบำรุงด้วยเกล็ดเลือดของตัวเอง เป็นวิธีการฟื้นฟูที่ปลอดภัย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและไฮยาลูรอน อิลาสตินที่ร่างกายสร้างขึ้น ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูผิวหน้าทั้งหมด แตกต่างจากการรักษาด้วยวิธีอื่นอย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ ที่เป็นการเติมเต็มเฉพาะจุด นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มในส่วนที่สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค HA ในฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้
โดย 𝗣𝗥𝗣 สามารถทำควบคู่กับการบำรุงผิวหรือหัตถการอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้มีสุขภาพดี เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
PRP อันตรายหรือไม่ ?
𝗣𝗥𝗣 ไม่อันตาย เนื่องจากเป็นการสกัดจากเกล็ดเลือดของตัวเราฉีดเข้าสู่ผิวของเราเอง ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้เกิดขึ้นได้น้อยมาก และมีความปลอดภัยสูง แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังการฉีดอย่างปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย สามารถหายได้เองภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 วันเท่านั้น
✨ Attitude Clinic เผยความงามในแบบคุณ ✨
คลิก! ดูรีวิวการรักษาเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่
