Aestox โบท็อกซ์พรีเมียมที่ Attitude Clinic เลือกใช้ ดียังไงไปดูกัน!
โบท็อกซ์สัญชาติเกาหลี 
ความบริสุทธิ์มากกกว่า 99.5 % อยู่ได้นาน 3-4 เดือน ราคาไม่แรง แต่คุณภาพพรีเมียม ออกฤทธิ์เร็ว เห็นผลไว ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งตึง จนแสดงอารมณ์ไม่ได้ ที่แอททิจูดใช้ของแท้ 100%ปลอดภัย คุณภาพดีทุกขวด
หลังฉีดเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ ลดริ้วรอย ลดกรามหน้าเรียว แสดงสีหน้าได้อย่างมั่นใจ ไม่แข็งตึง ไม่โป๊ะ เป็นธรรมชาติ และลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้ดี หากเว้นระยะฉีดอย่างเหมาะสม #สวยหล่อต้องปลอดภัย ไว้ใจแอททิจูดคลินิก
รู้จักกับโบท็อกซ์ Aestox กัน
Aestox คือโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่นำเข้าโดยบริษัท Aestec Pharma ได้การรับรองว่ามีความปลอดภัยจาก KFDA (องค์การอาหารและยาประเทศเกาหลีใต้) และ ThaiFDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย) ตัวยา Aestox เป็นตัวยาที่มีความบริสุทธิ์สูง ผ่านการพัฒนาตัวยาให้เกิดโอกาสดื้อยาน้อยลง มีความอ่อนโยนต่อผิวและออกฤทธิ์ไว คุณภาพใกล้เคียงกับโบท็อกซ์อเมริกาแต่มีราคาที่ย่อมเยากว่า
โบท็อกซ์ คืออะไร ? มาจากไหน ?
โบท็อกซ์ หรือ โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) คือ สารพิษที่สกัดมาจากแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์สกัดกั้นการส่งผ่านกระแสประสาทบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง ระงับความเจ็บปวด และลดการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ในทางการแพทย์ ถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการปวดและโรคทางการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ในทางด้านความงาม นำมาใช้ในการลดริ้วรอย ปรับเปลี่ยนรูปหน้า และยกกระชับ คงความอ่อนเยา
โบท็อกซ์ทำงานอย่างไร
เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไป สารโบทูลินัม ท็อกซิน จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ หรือทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด อ่อนแรงลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว จะทำให้มัดกล้ามเนื้อเล็กและแบนลง รูปร่างของเราในจุดที่ฉีดจะเล็กลง ผิวหนังจะถูกยกให้ตึงขึ้น จนทำให้ริ้วรอย ร่องผิวที่ดูย่นหายไปด้วย เช่น การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย ทำให้มัดกล้ามเนื้อบริเวณหางตาคลายตัว หางตาและคิ้วจะถูกดึงให้ยกขึ้น ริ้วรอยตีนกาจะหายไป
โบท็อกซ์ปลอม มีจริงไหม
แม้โบท็อกซ์จะได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ปัญหาโบท็อกซ์ปลอมก็ตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งโบท็อกซ์ปลอม ก็คือ โบท็อกซ์ที่อาจจะเป็นน้ำเกลือ น้ำเปล่า ผสมวิตามิน หรืออาจจะเป็นโบท็อกซ์ที่เจือจางมาก จนทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล ซึ่งปัญหาโบท็อกซ์ปลอมในท้องตลาด เกิดจากการที่โบท็อกซ์ได้รับความนิยมมาก จนไม่เพียงพอต่อความต้องการนั่นเอง
ถ้าฉีดโบท็อกซ์ปลอม อันตรายแค่ไหน
ทุกคนรู้หรือไม่? ว่าการฉีดโบท็อกซ์ปลอมจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง แน่นอนว่า การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่มีคุณภาพจะทำให้เกิดผลข้างเคียงและความเสี่ยงมากกว่าที่คิด
1. เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ เพราะโบท็อกซ์ปลอม เต็มไปด้วยสารเจือปน และมีอนุพันธ์โปรตีนที่ไม่บริสุทธิ์ สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้เกิดการต่อต้าน ทำให้การฉีดโบท็อกซ์หลังจากนั้น แม้จะเป็นของแท้ ก็อาจจะไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ผล
2. เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีด เช่น หนังตาตก คิ้วตก ปากเบี้ยว เนื่องจากตัวยาไม่มีความเสถียร และมีความบริสุทธิ์เทียบเท่ากับโบท็อกซ์ของแท้
3. ฉีดแล้วไม่เห็นผล เพราะโบท็อกซ์หิ้วนำเข้ามาเอง จะไม่ได้มีการรักษามาตรฐานการดูแลรักษา ไม่ได้เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพลดลง
4. ฉีดแล้วผลอยู่ได้ไม่นาน อาจจะเห็นผลอยู่ในระยะหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นผลลัพธ์อาจกลับมาเหมือนเดิมหรือแย่กว่าเดิม ซึ่งต่างจากของแท้ ที่ให้ผลลัพธ์ได้นานกว่า และเห็นผลได้ชัดกว่า
5. เสี่ยงเกิดการติดเชื้อหลังฉีด เพราะมีการผสมส่วนผสมที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ไม่มีการควบคุมคุณภาพการเก็บรักษา
วิธีการดู Aestox ของแท้
Attitude Clinic ตระหนักถึงความปลอดภัยและความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ จึงรับประกันในการใช้โบท็อกซ์ของแท้ ยี่ห้อ Aestox โดยตรงจากบริษัทผู้ผลิต ซึ่งจะแนะนำการสังเกตโบท็อกซ์ Aestox ของแท้ สำหรับคนที่สนใจและต้องการทราบ เพื่อจะได้ไตร่ตรอง ระมัดระวังในการรับการรักษา
1. โบท็อกซ์ของแท้ โดยตรงจากบริษัทผู้ผลิต จะต้องมีฝากล่องปิดสนิท กล่องบรรจุไม่บุบ ไม่แตก
2. บนกล่องบรรจุ มี Qr Code ที่ฝากล่องที่สามารถสแกนเช็คในเว็บไซต์ได้
3. บนกล่องบรรจุ มีเลขทะเบียน อย. ด้านข้างกล่อง
4. ใต้กล่องบรรจุ มีเลขล็อตการผลิต
5. สามารถฉีกเปิดกล่องจากด้านข้างได้
การฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใคร
ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ เราควรรู้ก่อนว่า การฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใครบ้าง เหมาะกับปัญหาที่พบเจอหรือเปล่า และควรที่จะรักษาด้วยโบท็อกซ์ได้หรือไม่
1. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เนื่องจากมีรูปใบหน้าหรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน ไม่ได้สัดส่วน
2. ผู้มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ได้รูป กระเปาะแก้มชัด
3. ผู้มีปัญหากลิ่นกายไม่พึงประสงค์
4. ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยก่อนวัย แต่ยังอยากให้หน้ากระชับขึ้น และยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่
5. ผู้ที่คิ้วดูตก ทำให้ดวงตาไม่สดใส ใบหน้าดูอ่อนล้า
6. ผู้ที่ต้นแขน น่องขาดูใหญ่ จนทำให้รูปร่างดูหนาและอวบ
โบท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
โบท็อกซ์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายด้าน ทั้งในด้านการรักษาทางการแพทย์ และในด้านเสริมความงาม เรามาดูกันว่า มีปัญหาอะไรบ้าง ที่สามารถแก้ปัญหาด้วยโบท็อกซ์แล้วได้ผล
1. ช่วยให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวและขนาดเล็กลง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูปหน้าใหญ่ รูปกรามใหญ่
2. ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้ายกกระชับ ใบหน้าได้รูปมากขึ้น ดูเรียวสวย
3. ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง ควบคุมกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น
4. ช่วยลดรอยย่น ขณะแสดงสีหน้า ทำให้ผิวหน้าตึงกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
5. ช่วยให้คิ้วยกขึ้น ทำให้ดวงตาดูโต สดใส
6. ช่วยให้ต้นแขนและน่องขาเรียวกระชับ สามารถฉีดที่กล้ามเนื้อต้นแขนและน่องขา จะทำให้สัดส่วนแขนและขาดูเล็กเรียวลง
โบท็อกซ์ Aestox กี่ยูนิตดีที่สุด ?
โดยปกติ การโบท็อกซ์ฉีดทั่วหน้า จะใช้ 50-100 unit แต่ละคนจะใช้โบท็อกซ์มากน้อย ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละเคส ซึ่งแพทย์จะประเมินตัวยาที่เหมาะสม ให้การฉีดแต่ละครั้ง ไม่เกิน 200-300 ยูนิต เพื่อป้องกันอันตรายจากการรับยาเกินขนาดและป้องกันการเกิดการดื้อโบท็อกซ์ขึ้น ในส่วนของโบท็อกซ์ Aestox ที่ Attitude Clinic เลือกใช้ ถูกพัฒนาให้มีความเข้มข้น และบริสุทธิ์สูง ใช้ในปริมาณเริ่มต้นที่ 50 unit ก็เห็นผลชัดเจน
โบท็อกซ์แต่ละจุดฉีดกี่ยูนิต
สิ่งที่สำคัญก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ ก็คือ ต้องทราบว่าจำนวนยูนิตที่แนะนำในการฉีดแต่ละจุดบนใบหน้าอย่างเหมาะสม
ว่าต้องใช้จุดละเท่าไรบ้าง จึงจะเป็นธรรมชาติและให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้ก่อนฉีดอยู่แล้ว แต่ในฐานะผู้เข้ารับการฉีด ควรจะรู้ว่า ปัญหาของเราจะต้องใช้ในปริมาณแค่ไหน และไม่พยายามฉีดเกินกว่าปริมาณที่แพทย์แนะนำ
1. ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก 12 unit
2. ฉีดโบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว 16 unit
3. ฉีดโบท็อกซ์ตีนกา หางตา 24 unit ข้างละ 12 unit
4. ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก 16 unit
5. ฉีดโบท็อกซ์กรอบหน้า 100 unit ข้างละ 50 unit
6. ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม 50 unit ข้างละ 25 unit
7. ฉีดรักแร้ 100 unit ข้างละ 50 unit
8. ฉีดต้นแขนและน่องขา 100-150 unit ข้างละ 50-80 unit
โบท็อกซ์ Aestox กี่วันเห็นผล
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยกับลดกราม จะใช้เวลาเห็นผลไม่เท่ากัน ถ้าเป็นการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย หางตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และลิฟท์กรอบหน้า จะเริ่มเห็นผล เริ่มตึงในบริเวณที่ฉีดภายในประมาณ 3-4 วัน จะพบว่า ผลลัพธ์คงที่ภายใน 1-2 สัปดาห์ ในส่วนการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จะใช้เวลานานกว่าฉีดริ้วรอย อยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผล และจะเห็นผลว่ากรามยุบเข้าที่อย่างชัดเจน ใช้เวลา 1-1.5 เดือน และการฉีดโบท็อกซ์น่องขาและต้นแขน จะใช้เห็นผลใน 1-3 เดือน สำหรับการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ จะเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์
โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน
โบท็อกซ์จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และยี่ห้อที่ฉีด สำหรับโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อ Aestox จะอยู่ได้เฉลี่ย 3-4 เดือน สำหรับการฉีดริ้วรอย ลดขนาดกราม และสามารถอยู่ได้ 4-5 เดือน สำหรับการฉีดลดขนาดต้นแขน น่องขา และฉีดรักแร้เพื่อลดเหงื่อ ดับกลิ่นกาย โดยโบท็อกซ์ Aestox แท้ จะสามารถสลายหมด 100% โดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย
การปฏิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
ก่อนที่จะฉีดโบท็อกซ์ จะต้องมีการเตรียมตัวที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายพร้อมกับการฉีดโบท็อกซ์และช่วยให้การฉีดโบท็อกซ์สามารถออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด
1. หากรับประทานยาหรืออาหารเสริม ได้แก่ น้ำมันปลา วิตามินอี สารสกัดจากใบแปะก๊วย ยาละลายลิ่มเลือดกลุ่มแอสไพริน ยาลดการอักเสบกลุ่ม NSAID ควรงดยาในกลุ่มเหล่านี้ อย่างน้อย ในช่วงก่อนฉีด 5 วัน เนื่องจากจะทำให้เกิดรอยช้ำมากขึ้นในจุดที่ฉีด
2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย ในช่วงก่อนฉีด 7 วัน
3. ไม่เป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงระหว่างการให้นม
การปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์
หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง จึงจะทำให้การฉีดโบท็อกซ์เห็นผลดีที่สุดและไม่เกิดผลข้างเคียงภายหลังการฉีด
1. รอยนูนหลังฉีดจะค่อยๆ หายไปเองภายในช่วงหลังฉีด 2-3 ชั่วโมง สามารถค่อยๆ ประคบเย็น เพื่อรอยนูนหายเร็วขึ้นได้
2. พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่รักษาทุก 15 นาที ในช่วงหลังฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อได้เร็วยิ่งขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการนอนราบ หรือเอนศีรษะ ในช่วงหลังฉีด 4 ชั่วโมง หลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องกันการไหลของยาไปสู่กล้ามเนื้อบริเวณอื่น ที่ไม่ต้องการ
4. สามารถล้างหน้าได้ ในช่วงหลังฉีด 4 ชั่วโมง และจะสามารถใช้สกินแคร์ เครื่องสำอางได้หลังจากฉีด 24 ชม.
5. ถ้ามีรอยช้ำที่เกิดจากการฉีดในช่วงหลังการฉีด 1 วัน สามารถประคบเย็นได้หลังการฉีด สลับกับการประคบด้วยน้ำอุ่น
6. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงหลังฉีด 7 วัน เพื่อไม่ให้เส้นเลือดขยายตัวมากเกินไป
7. หลังการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ในช่วงหลังการฉีด 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องใช้การเคี้ยว เช่น หมากฝรั่ง
8. หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า หรือ เลเซอร์ใบหน้า ในช่วงหลังฉีด 2 สัปดาห์
9. หลีกเลี่ยงการกดคลึงใบหน้าบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ ในช่วงหลังฉีด 2 สัปดาห์
ฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผล เป็นเพราะอะไรบ้าง
การฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ได้ผล ฉีดแล้วไม่เห็นความแตกต่าง หลายคนอาจจะมีอาการนี้ จนทำให้สงสัยว่า เกิดจากอะไรกันนะ? เรามาดูกันว่าเพราะอะไร มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การฉีดโบท็อกซ์ของเราไม่เห็นผล
1. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็วและเส้นเลือดขยายมากขึ้น อาจจะทำให้เกิดรอยแดงในจุดที่ฉีดมากขึ้น จึงควรงดเด็ดขาด ทั้งก่อนและหลังฉีด
2. ฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป โดยปกติ โบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 2 สัปดาห์ จากนั้นจะสามารถคงอยู่ได้นาน 3-6 เดือน จึงไม่ควรฉีดบ่อยเกินกว่า 3 เดือน/ครั้ง
3. โบท็อกซ์ไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. การดูแลรักษาไม่ได้มาตรฐาน เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์
นอกจากการปฏิบัติตัวแล้ว มีข้อควรระวังที่ต้องระวังอย่างมาก หลังจากฉีดโบท็อกซ์ ไม่เช่นนั้น จะทำให้การฉีดโบท็อกซ์อาจจะไม่เห็นผลอย่างที่ควร หรือ อาจจะทำให้โบท็อกซ์สลายเร็วกกว่าอายุการใช้งาน ผลลัพธ์คงอยู่ไม่นาน จึงควรหลีกเลี่ยงการปฏิบัติเหล่านี้อย่างเด็ดขาด
1. ไม่ทำกิจกรรมที่มีความร้อน ในช่วงหลังฉีด 2 สัปดาห์ เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำเลเซอร์ หรือทรีทเมนท์ เพราะจะทำให้โบท็อกซ์สลายได้เร็วขึ้น
2. ห้ามนอนราบในช่วงก่อนฉีด 4 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้โบท็อกซ์ไหลไปในบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ต้องการให้เกิดผล
3. งดอาหารที่เผ็ดมากๆ ในช่วงหลังฉีด 2 สัปดาห์ เพราะ ความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ จะทำให้โบท็อกซ์สลายเร็วขึ้น
4. งดอาหารหมักดอง ในช่วงหลังฉีด 2 สัปดาห์ เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง เพราะ เป็นอาหารที่มีอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค แบคทีเรีย และพยาธิ จากกระบวนการการหมักดอง อาจทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ได้
5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด ในช่วงหลังฉีด 7 วันเพราะแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขนาด แล้วอาจจะส่งผลให้บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เกิดรอยช้ำมากขึ้น
เทียบโบท็อกซ์ Aestox กับยี่ห้ออื่น
โบท็อกซ์ Aestox เป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพพรีเมียมสูง และเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆแล้ว โบท็อกซ์ Aestox มีข้อดีและข้อแตกต่างอย่างไร มาดูกัน
1. Allergan โบท็อกซ์อเมริกา ที่ผ่านการพัฒนาให้ผลการรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด เทียบกับโบท็อกซ์ Aestox แล้ว Aestox จะถือมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่ระยะเวลาของผลลัพธ์จะอยู่ได้น้อยกว่า
2. Botulax โบท็อกซ์เกาหลีใต้ที่พยายามพัฒนาให้เหมือน โบท็อกซ์ Allergan โดดเด่นในเรื่องของความอ่อนโยนและความบริสุทธิ์ นิยมใช้ลดริ้วรอย ช่วยให้หน้าเรียวเล็กลง กรอบหน้าชัดเจนขึ้น ด้านประสิทธิภาพนั้นก็ไม่แพ้แบรนด์อเมริกา เทียบกับโบท็อกซ์ Aestox แล้ว คุณภาพ ความบริสุทธิ์จัดว่าใกล้เคียงกัน ราคาสามารถจับต้องได้
3. Nabota เป็นโบท็อกซ์เกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้โบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ สามารถนำมาฉีดได้หลากหลายจุด ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ลดริ้วรอยบนใบหน้า ใบหน้ามีความเต่งตึงและกระชับขึ้น และเป็นโบท็อกซ์เกาหลีเพียงยี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (USFDA) มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์ไว ราคาไม่แพง เทียบกับโบท็อกซ์ Aestox แล้ว คุณภาพ จัดว่าใกล้เคียงกัน ราคาสามารถจับต้องได้
4. Xeomin โบท็อกซ์เยอรมัน ที่ผ่านการพัฒนาในขั้นตอนการกำจัดโปรตีนยึดเกาะออกจากโมเลกุลของท็อกซิน ทำให้โมเลกุลของโบท็อกซ์มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงประสิทธิภาพในการยับยั้งการทำงานของระบบประสาทได้ดี เป็นยี่ห้อที่มีประวัติการดื้อโบท็อกซ์น้อยที่สุด เทียบกับโบท็อกซ์ Aestox แล้ว Aestox จะมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ Aestox จะอยู่ได้น้อยกว่า
เลือกฉีด โบท็อกซ์ Aestox ที่แอททิจูด ดีกว่าอย่างไร?
เลือกฉีด โบท็อกซ์ Aestox ที่แอททิจูด ดีกว่าอย่างไร?✦ ตัวยาแท้ 100% อ.ย.ไทย เช็กได้ทุกขวด
✦ หมออยู่ประจำ ทำเองทุกเคส
✦ หมอเชี่ยวชาญโบท็อกซ์เป็นอย่างดี
✦ ขายตามปัญหาที่ต้องแก้ไข ไม่กดดันขาย
✦ มีสตูถ่ายภาพ เทียบก่อน-หลังฉีดได้เลย
✦ ดูดยาจากขวด ดูกล่อง เลข อ.ย. วันหมดอายุได้เลย
✦ มีใบรายงานการรักษา จุดที่ฉีด ยี่ห้อ จำนวน แพทย์ผู้ฉีด
✦ ฉีดครบโดส ตามบริเวณที่ฉีด เห็นผลอย่างแน่นอน
✨ ATTITUDE CLINIC เผยความงามในแบบคุณ ✨
คลิก! ดูรีวิวการรักษาเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่
