ข้อมูลครบ !! ฟิลเลอร์ Hyafilia Filler จากเกาหลี ดีจริงมั้ย? ทั้ง 3 รุ่นแตกต่างกันอย่างไร? ฉีดจุดไหนได้บ้าง? หมอแนะนำมั้ย? ฉีดแล้วบวมเป็นก้อนไหม ??

Post Views: 1,883

ข้อมูลครบ !! ฟิลเลอร์ Hyafilia Filler จากเกาหลี ดีจริงมั้ย? ทั้ง 3 รุ่นแตกต่างกันอย่างไร? ฉีดจุดไหนได้บ้าง? หมอแนะนำมั้ย? ฉีดแล้วบวมเป็นก้อนไหม ??

เมื่ออายุมากขึ้น หลายๆ คนจะเริ่มมีปัญหาบริเวณใบหน้า ได้แก่ ริ้วรอยร่องลึก จากการแสดงสีหน้าหรือไม่แสดงสีหน้าก็เห็นได้ชัด การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ไข เติมเต็มร่องลึก ปรับรูปใบหน้า เพิ่มมิติ สร้างความมั่นใจ ในบทความนี้แอททิจูด คลินิก จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแบรนด์ HyaFilia ว่าคืออะไร? มีกี่แบบ? มีรุ่นอะไรบ้าง? และบริเวณจุดฉีดที่เหมาะสม? พร้อมทริคเล็กๆในการเตรียมตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์อีกด้วย

ทำความรู้จักฟิลเลอร์ Hyafilia Filler (ไฮ-ยา-ฟิ-เลีย) คืออะไร?

ฟิลเลอร์ HyaFilia สารเติมเต็ม ปรับรูปหน้าในกลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) จากประเทศเกาหลี มีความสามารถในการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้ในฟิลเลอร์ มีรุ่นและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายครอบคลุมทุกปัญหาผิว ฉีดเพื่อเติมเต็มปริมาตร ยกกระชับใช้ในการปรับรูปหน้าให้ดูได้สัดส่วนมากขึ้น เติมเต็มร่องลึก เติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์ เป็นสารเติมเต็มที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ปลอดภัยสูง ไม่ตกค้างเหลือในร่างกาย

ฟิลเลอร์ Hyafilia ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย เกาหลี และยุโรป รวมใช้แล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก พัฒนาและผลิตโดยบริษัท CHA Bio Group ซึ่งเป็นบริษัท Biomedicine ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตฟิลเลอร์ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) คุณภาพสูง ปลอดภัยที่สุด ด้วยสโลแกน “Beauty Meet Technology” และผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย คือ Vitapharm Asia

นอกจากนี้ฟิลเลอร์ HyaFilia ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นสูง หลังฉีดได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน ไม่เป็นก้อนอีกด้วย

ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) คืออะไร ?

ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) สารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำภายในเนื้อเยื่อ พบได้ทั่วไปกว่า 80% ในชั้นโครงสร้างผิว มีส่วนในการสังเคราะห์คอลลาเจนเพื่อรักษาความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เพิ่มปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิว จับคอลลาเจนและอีลาสตินยึดเข้าไว้ด้วยกัน

ทำให้ Hyaluronic Acid (HA) มีความสำคัญอย่างมาก ส่งผลต่อความยืดหยุ่น ความเรียบเนียน และความอ่อนวัยของผิว เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายเราจะผลิต Hyaluronic Acid (HA) ได้น้อยและช้าลงเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ โดยค่าเฉลี่ยสำหรับคนทั่วไปจะลดลงเหลือประมาณ 50% เมื่อเราอายุ 40 ปี ยิ่งอายุมากขึ้นจะสังเกตเห็นปัญหาผิวต่างๆ มากขึ้นและนำไปสู่การเกิดริ้วรอยในอนาคตได้

ประโยชน์จากไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ใน HyaFilia Filler

เติมเต็มผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว สุขภาพดี
ช่วยกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิว ผิวไม่แห้งแตก
เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา
เติมเต็มปรับรูปหน้า เช่น หน้าผาก ขมับ ปาก คาง กรอบหน้า

ฟิลเลอร์ Hyafilia Filler (ไฮยาฟิเลีย) ของประเทศอะไร ?

ฟิลเลอร์ Hyafilia Filler แบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีใต้ ทำการศึกษา วิจัย พัฒนาโดยบริษัท CHA Bio Group เป็นบริษัท Biomedicine ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศเกาหลีใต้ ประเทศไทย และยุโรป รวมใช้แล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

ผลิตด้วยเทคโนโลยี ART Technology (Cross-linked HA Arrangementand Refinement Technology) ผ่านการควบคุมการผลิต 14 ขั้นตอน ทำให้ได้ฟิลเลอร์ หรือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือฟิลเลอร์ เนื้อบริสุทธิ์สูงมีลักษณะพิเศษที่ทางแบรนด์แจ้งสามารถคงตัวขึ้นรูปได้สวย(Biphasic) แต่ยังคงมีความกลมกลืนไปกับผิวได้ดี ปั้นทรงง่าย(Monophasic) ทำให้ได้ผลลัพธ์เนียนสวยเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่บวม ไม่ไหล อยู่ได้นานต่างจากฟิลเลอร์เกาหลีในอดีต รุ่นก่อนๆ

ที่สำคัญฟิลเลอร์ HyaFilia Filler ใช้ฉีดได้ทุกบริเวณ โดดเด่นเป็นพิเศษในการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา (Perfect UnderEye) และใช้ยกกระชับกรอบหน้าดีมากๆ

จุดเด่นของฟิลเลอร์ HyaFilia Filler (ไฮยาฟิเลีย)

มีค่าHigh G สูง ช่วยเรื่องการยกกระชับหน้า ฉีดขึ้นรูปได้ดี ผลลัพธ์สวยตามต้องการ
มีค่า High Cohesivity ช่วยเรื่องการปั้นขึ้นทรงได้ง่าย ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
มี ULTRA PURE ความบริสุทธิ์สูง Less Free-HA ช่วยลดโอกาสเกิดอาการบวมแพ้
มี Zero BDDE Residual ช่วยเรื่องลดอาการบวม อาการแสบขณะฉีด
มีการควบคุมการผลิต 14 ขั้นตอน
มีผลลัพธ์ยาวนาน Long Lasting 6-18 เดือน

ฟิลเลอร์ HyaFilia Filler (ไฮยาฟิเลีย) มีกี่รุ่น แตกต่างกันอย่างไร

ฟิลเลอร์ HYAFILIA (ไฮยาฟิเลีย) มีทั้งหมด 6 รุ่น แบ่งเป็นรุ่นแรกที่นำเข้ามาในไทย คือรุ่นไม่ได้ผสมยาชาในตัว 3 รุ่น และล่าสุด รุ่นที่มียาชาผสมในตัวอีก 3 รุ่น ซึ่งชื่อรุ่นจะเหมือนกัน ต่างกันแค่มีและไม่มียาชาผสม แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันดังนี้

1. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – S

HYAFILIA – Sฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดผิวชั้นบน (Superfacial Dermis) โมเลกุลเล็ก นิ่ม เนียนละเอียดที่สุดจากทั้ง 3 รุ่น บางเบาแต่ยืดหยุ่น ไม่ไหลเป็นก้อน สามารถฉีดบริเวณใต้ตา เติมเต็มแก้ปัญหาเบ้าตาลึก ระหว่างคิ้ว ผิวรอบปาก และริมฝีปาก โดยเฉพาะใต้ตา หลังฉีดไม่เป็นก้อน คงผลลัพธ์ได้นาน 6-9 เดือนหลังฉีด

2. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – M

HYAFILIA – Mฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดผิวชั้นกลาง (Mid Dermis) โมเลกุลขนาดปานกลาง เนื้อเรียบเนียน ถูกพัฒนาให้สามารถฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม ปรับรูปฝีปาก ยกมุมปาก เติมเต็มร่องน้ำหมากให้อิ่มฟูขึ้นได้ดีหลังฉีด ฉีดขึ้นทรงสวย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าให้ดูดี เต็มอิ่ม หลังฉีดไม่เป็นก้อน คงผลลัพธ์ได้นาน 9-12 เดือนหลังฉีด

3. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – V

HYAFILIA – V ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดผิวชั้นลึก (Deep Dermis, Subcutaneous Tissue) โมเลกุลขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกันทั้ง 3 รุ่น เนื้อเรียบเนียน ยืดหยุ่น แข็งอยู่ทน ไม่ไหล ถูกพัฒนาให้สามารถฉีดโหนกแก้ม คาง กรอบหน้า โดยเฉพาะการฉีดยกกระชับใบหน้าให้ชัด เป๊ะ หากใครที่มีความกำลังเรื่องกรอบหน้า ความหย่อนคล้อย สามารถใช้รุ่นนี้ฉีดได้เลย คงผลลัพธ์ได้นาน 12-18 เดือนหลังฉีด

วิธีสังเกต ฟิลเลอร์ Hyafilia รุ่นไม่มียาชา และไม่มียาชา ดูอย่างไร

ความแตกต่างระหว่างรุ่นที่มียาชา และรุ่นไม่มียาชา ก็คือตัวสีของกล่อง โดยรุ่นที่ไม่มียาชาผสม จะเป็นกล่องสีขาว ส่วนรุ่นที่มียาชาผสม จะเป็นกล่องสีๆ ซึ่งคุณสมบัติ และชื่อรุ่นก็จะเหมือนกันทั้ง 2 แบบ ต่างแค่มีและไม่มียาชาผสมเท่านั้นเอง

1. ฟิลเลอร์ Hyafilia รุ่นที่ไม่มียาชาผสม จะเป็นกล่องสีขาว มีสัญลักษณ์ชื่อรุ่นตามสี รุ่น S สีฟ้า, รุ่น M สีส้ม และรุ่น V สีม่วง

2. ฟิลเลอร์ Hyafilia รุ่นที่มียาชาผสม จะเป็นกล่องสีๆ รุ่น S สีฟ้า , รุ่น M สีส้ม และรุ่น V สีม่วง โดยสัญญลักษณ์ชื่อรุ่นจะเป็นตัวสีขาว

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ Hyafilia แต่ละรุ่น มีเนื้อตรงและใกล้เคียงฟิลเลอร์แบรนด์อื่นๆ รุ่นไหนบ้าง

เลือกใช้ฟิลเลอร์ HyaFilia Filler ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

1. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – S

เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นบน (Superfacial Dermis)

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บริเวณตา ใต้ตา เติมเต็มเบ้าตาลึก ระหว่างคิ้ว ผิวรอบปาก และริมฝีปาก
คงผลลัพธ์ได้นาน 6-9 เดือนหลังฉีด

2. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – M

เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นกลาง (Mid Dermis)

ฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม ปรับรูปริมฝีปาก เติมเต็มร่องน้ำหมาก
คงผลลัพธ์ได้นาน 9-12 เดือน

3. ฟิลเลอร์ HYAFILIA – V

เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นลึก (Deep Dermis, Subcutaneous Tissue)

ฉีดบริเวณโหนกแก้ม คาง กรอบหน้า เน้นการยกกระชับกรอบหน้าชัด แก้ไขความหย่อนคล้อย
คงผลลัพธ์ได้นาน 12-18 เดือน

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia

นัดเข้ามาปรึกษาปัญหาและให้คุณหมอช่วยประเมินใบหน้า เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด
เลือกชนิดของฟิลเลอร์ และรุ่นที่เหมาะสม คุณหมอจะช่วยประเมินใบหน้า แนะนำฟิลเลอร์ว่าควรใช้รุ่นไหน ให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีด
ทำความสะอาดใบหน้าในจุดที่ฉีด ถ้าแต่งหน้ามาก็จะมีการเช็ดเครื่องสำอางในบริเวณที่จะฉีด เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ ตรวจสอบว่าเป็นของแท้ คุณหมอจะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเป็นของแท้หรือไม่
คุณหมอเริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที
คุณหมอแนะนำวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นานขึ้น

ฟิลเลอร์ Hyafilia Filler แต่ละจุดฉีดกี่ cc ?

โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ HyaFilia Filler 1 หลอด (Syringe) มีปริมาณ 1.1 CC เมื่อฉีดฟิลเลอร์ออกมาจากเข็มไซริงค์แล้วจะมีปริมาณเทียบได้กับ ขนาด 1 เหรียญบาท ส่วนภายในกล่องที่บรรจุฟิลเลอร์ ก็จะประกอบไปด้วย ฟิลเลอร์ขนาด 1.1 CC 1 หลอด พร้อมกับเข็มไซริงค์สำหรับฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงมีเอกสารประกอบการฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ HyaFilia ปริมาณเริ่มต้น 1.1 CC สามารถฉีดได้ทุกบริเวณ เช่น คาง ปาก ใต้ตา ร่องแก้ม หน้าแก้ม ส่วนปริมาณที่ใช้จริงจะขึ้นอยู่กับปัญหาบริเวณใบหน้าของแต่ละบุคคล และการวิเคราะห์ ประเมินของแพทย์ผู้ทำการฉีด

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia Filler อยู่ได้นานมั้ย

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด รุ่นที่ฉีด และการดูแลตนเอง หากฉีดในบริเวณที่มีการขยับมากๆ หรือโดนแสงแดด โดนความร้อนบ่อย ฟิลเลอร์ก็จะสลายได้เร็วมากขึ้น รุ่นที่ฉีดก็มีผลเช่นกัน นอกจากนี้ร่างกายของเราเองก็มีผล เพราะส่วนใต้ผิวหนังจะสร้างและสลายกรดไฮยาลูโรนิกอยู่เสมอเป็นปกติ ยิ่งมีระบบเผาผลาญในเนื้อเยื่อและเซลล์ที่ดี ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าฟิลเลอร์จะสลายได้เร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีระบบเผาผลาญดี เมื่อฉีดฟิลเลอร์ผลการรักษาจะอยู่ได้ไม่นานนั่นเอง

ฟิลเลอร์ HyaFilia Filler อันตรายไหม ?

ผลลัพธ์ที่ต้องการจากการฉีดฟิลเลอร์ คือ การเติมเต็ม ปรับรูปหน้า รวมไปถึงแก้ไขข้อบกพร่อง ฟิลเลอร์ที่ความปลอดภัยสูงผ่านการรับรองจาก อย. ไทยให้สามารถฉีดรักษาคนไข้เพื่อความสวยงามได้ คือ ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราว จากสารที่เรียกว่าไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) สามารถสลายตัวได้เอง 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่นอกจากนั้นแล้วเรื่องของความปลอดภัยก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ได้แก่

ความรู้ความเชี่ยวชาญของแพทย์

เนื่องจากปัญหาของผู้ใช้บริการ แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องของโครงสร้างผิว เพื่อฉีดแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ไม่เกิดความผิดพลาด เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องสามารถประเมินรูปหน้าได้อย่างเหมาะสมว่าบริเวณที่ต้องการแก้ไขนั้น ควรใช้ฟิลเลอร์รุ่นไหน ด้วยปริมาณเท่าไหร่ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาให้ตรงความต้องการ

ฟิลเลอร์ของแท้

ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปบนใบหน้าของเราต้องเป็นของแท้ ยี่ห้อและรุ่นต้องผ่านการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จากฉลากข้างกล่อง จะมีชื่อของผู้นำเข้าอย่างถูกต้อง และมีเลขอ้างอิง Lot. รวมถึงวันหมดอายุอย่างชัดเจน โดยสามารถโทรตรวจสอบได้เอง

ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia Filler

ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น เช่น การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอประจำคลินิก เพื่อความปลอดภัยอันดับแรก
งดยาและวิตามินก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น ยาประเภทแอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
งดการใช้ยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
งดเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
ควรแจ้งหมอก่อนทำทุกครั้งหากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia Filler

ช่วง 3 วันแรก หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
ช่วง 1 ชั่วโมงแรง สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้ หากต้องการแต่งหน้าควรเว้นบริเวณรูเข็มที่ฉีด
ช่วง 2-3 วัน อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ
หลังทำทันทีควรรีบกินยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวด ลดบวมกลับไปให้ทานเมื่อมีอาการ
ช่วง 48 ชม. ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
ช่วง 1 เดือนแรก งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด
ช่วงหลังทำ งดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า
ช่วงหลังทำ งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดฟิลเลอร์ Filler

มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรก็ตาม ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่จะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้

ผลข้างเคียงในระหว่างการฉีด เช่น เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย และอาจเข้าไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตา ทำให้ตาบอดได้ หรือภาวะฟกช้ำ ที่เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
ผลข้างเคียงในระยะแรก มีลักษณะบวม นูน เป็นก้อน และขรุขระ หรือการติดเชื้อเฉียบพลัน

ผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น เกิดตุ่ม ก้อน และบวม ในภายหลังจากการแพ้หรือติดเชื้อ หรือมีหนองหรือน้ำเหลืองซึมจากการใช้ฟิลเลอร์ *ผลข้างเคียงเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยลง หากฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia ของแท้ ฉีดกับคุณหมอที่มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์เป็นอย่างดี และเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน

สามารถฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia Filler ร่วมกับแบรนด์อื่นได้ไหม?

สามารถฉีดฟิลเลอร์ HyaFilia ร่วมไปกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นได้ในครั้งเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ใช้ฟิลเลอร์ HyaFiliaสำหรับฉีดบริเวณใต้ตา ยกผิวชั้นลึกให้ตื้นขึ้น และใช้แบรนด์อื่น เช่น Restylane ฉีดบริเวณใต้ตาชั้นตื้น เก็บผิวให้เนียน ลดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา หรือคนไข้บางท่านเคยฉีดฟิลเลอร์แบรนด์อื่นมาก่อนหน้า และอยากเติมฟิลเลอร์ HyaFiliaในบริเวณเดียวกันก็สามารถทำได้ โดยคุณหมอแนะนำให้เว้นจากการฉีดครั้งก่อนหน้ามาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์ก่อนหน้าหายบวมและกลืนกับผิวดีก่อน

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ Filler ที่ Attitude Clinic?

หมออยู่ประจำ ทำเองทุกเคส มาเมื่อไหร่ก็ได้เจอคุณหมอประจำอยู่ที่คลินิกทั้งวัน อุ่นใจได้เลย
คุณหมอมีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ สามารถให้คำแนะนำ เลือกรุ่นให้เหมาะสมกับปัญหา หรือจุดที่ต้องการเติมเต็มได้ดี
มั่นใจ ที่คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ และทุกๆ ตัวยาของแท้ สั่งจากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง ตรวจสอบได้ทุกเคส
มีหลายสาขาให้เลือกใช้บริการ ได้แก่ สาขาเชียงราย, สาขาเชียงใหม่, สาขาลำปาง ห้วยขวาง(กทม) และสาขาแม่สาย(เชียงราย)
หลังฉีดสามารถเก็บกล่องและหลอดฟิลเลอร์กลับบ้านหรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบได้
ได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย

Q&A คำถามที่พบบ่อย Attitude Clinic มาตอบให้!

Q: ฟิลเลอร์ปาก แก้ปากดำ ปากคล้ำได้ไหม ? A: การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยให้ปากดูอมชมพูขึ้นได้ แต่หากปากดำคล้ำจากกรรมพันธุ์ ฟิลเลอร์ปากช่วยได้เล็กน้อยเท่านั้น

Q: หากเข้าใกล้ความร้อนจะทำให้ ฟิลเลอร์ละลายจริงหรือไม่ ? A: ฟิลเลอร์สามารถละลายได้จริง หากได้รับความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง ไม่ใช่ความร้อนขนาดที่เราใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเข้าซาวน่าในช่วงหลังการฉีด 4 สัปดาห์แรก ควรระวังเป็นพิเศษ หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

Q: ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดจริงไหม ?

A: สามารถทำให้ตาบอดได้จริง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตาบอดเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณดวงตา ซึ่งเกิดได้ทุกตำแหน่งในการฉีดฟิลเลอร์ แต่ความเสี่ยงมากน้อย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและความชำนาญของหมอ

Q: ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?

A: หลังฉีดสามารถเห็นผลได้เลยทันที แต่ตัวฟิลเลอร์จะใช้เวลาในการผสานรวมกับเนื้อเยื่อ ระยะเวลาประมาณ 2-4 อาทิตย์ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

Q: ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?

A: เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของหมอ ควรเลือกรุ่นผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด และหมอควรมีประสบการณ์ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคการฉีด ต้องฉีดในตำแหน่งและปริมาณที่ถูกต้อง

Q : ฟิลเลอร์สลายไปเอง 100% หรือไม่

A : ฟิลเลอร์สามารถสลายหมดได้ หากเป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid แท้ โดยจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ระยะเวลาขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละยี่ห้อ

Q : ฉีดฟิลเลอร์เจ็บมั้ย

A : ใครที่กลัวเจ็บมากๆ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์จะมีการทายาชาให้ก่อน รวมไปถึงในตัวฟิลเลอร์บางยี่ห้อก็มียาชา (Lidocane) ผสมอยู่ด้วย ดังนั้นเวลาฉีดคนไข้จึงแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย

Q : ฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า ได้จริงหรือไม่

A : สามารถช่วยแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด แก้ปัญหาหน้าตกจากปัญหากระดูกยุบตัวลงได้ ฟิลเลอร์สามารถแทนที่กระดูกที่ยุบหายไป และยังแทนที่ไขมันที่หายไปได้ด้วย ทำให้ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น ที่สำคัญฟิลเลอร์มีความปลอดภัย สามารถย่อยสลายได้เอง 100% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี

Q : ฟิลเลอร์ 1 cc เยอะมั้ย ?

A : ฟิลเลอร์ 1 CC จะใช้ฉีดในจุดที่ไม่ต้องเติมเต็มมาก ได้แก่ ฟิลเลอร์ปาก, ฟิลเลอร์คาง ถัดมาจะเป็นฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ฟิลเลอร์แก้มส้ม ถ้าใช้ 1 CC ก็จะต้องแบ่งฉีดข้างละ 0.5 เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาน้อยๆ หรืออยากลองทยอยฉีดก่อนเพื่อดูผลลัพธ์